Tel. 0800-555-555 | 0900-555-555

จากดินแดนยุโรปกลาง สู่อาณาจักรแห่งพรีเมียร์ลีก

ติโมแวร์ เนอร์ ประกาศอย่างเป็นทางการ ย้ายซบสิงห์โตน้ำเงินครามเชลซี แต่ตำแหน่งที่แลมพาร์ดจะเลือกใช้งานตัวรุกรายนี้ ตรงไหนที่เหมากับเขาที่สุดล่ะ?

จากคำพูดเมื่อช่วงต้นปีของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่บอกว่า “ผมไม่ต้องการเห็นชื่อแบ็คซ้ายของผมบนสกอร์บอร์ด” ซึ่งหมายความว่า เขาไม่พอใจศักยภาพของนักเตะตัวรุกทางฝั่งซ้ายที่มีอยู่ ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลให้กุนซือเลือดผู้ดี สอยแวร์เนอร์ ตัดหน้า หงส์แดงลิเวอร์พูล

แล้วฟอร์เมชั่นการเล่นแบบไหน ที่จะเหมาะกับ แวร์เนอร์มากที่สุด?

ฟอร์มเมชั่นแรกที่จะพูดถึงคงไม่พ้น 4 3 3 ที่แลมพาร์ดเลือกใช้งานมากที่สุดในฤดูกาล 2019/2020 และกองหน้าสามคนในฤดูกาลหน้า ก็จะเป็น แวร์เนอร์ยืนปีกซ้าย แทมมี อับราฮัม ยืนหน้าเป้า และ ฮาคิม ซิเยค ที่พึ่งย้ายมาจากอาแจ๊กซ์ ยืนปีกขวา และถ้าแวร์เนอร์ได้ลงเล่นในตำแหน่งนี้จริง หน้าที่ของเขาจะมีความหลากหลาย และสามารถดึงศักยภาพออกมาใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องของความเร็ว การครอสบอล และ ยิงประตู เขาจะมีอิสระในการเล่นเกมรุกอย่างมาก ส่วนอีกทางเลือกหนึ่ง ในการวางตำแหน่งของ แวร์เนอร์ ในฟอร์เมชั่นนี้ ก็คือกองหน้าตัวเป้า หาก แลมพาร์ด ไม่เลือกใช้งาน แทมมี อับราฮัม แล้วจับ คริสเตียน พูลิซิช ไปยืนปีกซ้ายแทน ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะ จูเลียน นาเกลส์มันน์ โค้ชของ อาร์แบ ไลป์ซิก ในฤดูกาลนี้ ก็เลือกใช้ แวร์เนอร์ ให้มายืนตรงกลาง ไม่ใช่ริมเส้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคำถามขึ้นมาในใจแฟนบอลบางส่วน ว่าจริงๆแล้วเขาอาจไม่ใช่ผู้เล่นเบอร์ 9 ที่แท้จริง เพราะในการลงเล่นกับทีมชาติเยอรมัน ภายใต้การคุมทีมของ โยอาคิม เลิฟ แวร์เนอร์ กลับล้มเหลวและไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ เป็นอะไรที่น่าเสียดาย แต่คงต้องรอดูกันต่อไป เพราะบอลทีมชาติกับบอลสโมสรนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะแตกต่าง

ฟอร์เมชั่นที่สอง 4 2 3 1
ฟอร์เมชั่นนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ แลมพาร์ด ก็มักจะเลือกใช้งานเช่นเดียวกัน ซึ่งจะมีกองกลางตัวรับสองตัวที่เชื่อใจได้อย่าง จอร์จินโญ่ และ มาเตโอ โควาซิช รูปแบบการเล่นนี้ จะทำให้ทัพสิงโตน้ำเงินครามมีตัวเลือกในการเล่นเกมรุกมากขึ้น โดย ฮาคิม ซิเยค จะถูกจับมาอยู่ตรงกลาง และรับหน้าที่เป็นผู้เล่นหมายเลข 10 ส่วน แวร์เนอร์ คงไม่พ้นถูกวางตำแหน่งเป็นกองกลางตัวรุกทางฝั่งซ้าย ซึ่งหน้าที่และสไตล์การเล่นของเขาคงไม่ต่างจากฟอร์เมชั่น 4 3 3 แต่เนื่องจากรูปแบบการเล่นนี้ จะมีมิดฟิลด์ตัวรับถึงสองคน ซึ่งจะทำให้ แวร์เนอร์ ไม่ต้องพะวงถึงเกมรับ และสามารถเติมเกมรุกได้อย่างเต็มที่มากกว่ารูปแบบการเล่นอื่น

ฟอร์เมชั่นที่สาม 3 4 3
ถึงแม้การใช้ฟอร์เมชั่นนี้ของ แลมพาร์ด ดูจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ จากตัวอย่างที่มีให้เห็นตอนเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค ในแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ผลเลย เพราะเคยใช้แผนนี้ตบ สเปอร์ส มาแล้ว 2-1 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แวร์เนอร์ จะถูกวางตำแหน่งเป็นกองหน้าทางฝั่งซ้าย และยืนหุบเข้าไปตรงกลาง เนื่องด้วยการเติมเกมรุกขึ้นมาของวิงแบ็คอย่าง มาร์กอส อลอนโซ่ หรือ เบน ชิลเวล ที่อาจย้ายเข้ามาตอนซัมเมอร์ แผนนี้จะทำให้กองหน้าชาวเยอรมันอยู่ใกล้ประตูมากขึ้น และสามารถสร้างอิมแพ็คได้อย่างมหาศาลในแดนหน้า โดยก่อนหน้า ที่ ไลป์ซิก ก็เคยใช้แทคติกคล้ายๆกัน คือ 3 4 1 2 ซึ่งจับ แวร์เนอร์ ไปยืนเป็นหน้าคู่กับ แพทริค ชิค หรือ ยุสซุฟ โพลเซน และแลมพาร์ด อาจใช้ข้อมูลตรงนี้เป็นคู่มือการวางตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแวร์เนอร์

ฟอร์เมชั่น 4 2 2 2
หากจะพูดถึงตำแหน่งที่ทำให้ แวร์เนอร์ ประสบความสำเร็จมากที่สุดในระดับสโมสรที่ไลปซิก ก็คงไม่พ้นการยืนเป็นหน้าคู่ ทั้งในยุคของ ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล , ราล์ฟ รังนิก และ ปัจจุบันในยุคของ นาเกลส์มันน์ ก็เช่นเดียวกันที่ใช้แผนนี้

แลมพาร์ด อาจต้องใช้เวลาซักพักในการค้นหาพาร์ทเนอร์ที่เข้าขากับ แวร์เนอร์ มากที่สุด ซึ่งตัวเลือกในตอนนี้ก็คงไม่พ้น มิตชี บัตชัวยี ถ้าเขายังไม่ย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์ ก็คงมีโอกาสได้ลงเล่นคู่กับสตาร์จากเยอรมันแน่นอน