Tel. 0800-555-555 | 0900-555-555

ประวัติคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ทีมหมายเลขหนึ่งของญี่ปุ่น ณ เวลานี้

คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ สโมสรฟุตบอลผู้เป็นแชมป์เจลีกฤดูกาลล่าสุด เป็นข่าวดังในช่วงพักฤดูกาลเมื่อพวกเขาประกาศคว้าตัวนักเตะทีมชาติไทยจากสโมสรคอนซาโดเล่ ซัปโปโร่ อย่างชนาธิป สงกระสินธุ์ไปร่วมทีมด้วยค่าตัวหลัก 100 ล้านบาท สร้างความสนใจและการติดตามให้กับแฟนบอลชาวไทยเป็นอย่างมาก โดยในห้าฤดูกาลล่าสุดพวกเขาคว้าแชมป์เจลีกไปได้ถึง 4 สมัย อะไรเป็นสาเหตุให้พวกเขาแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ พวกเขามีประวัติความเป็นมาอย่างไร วันนี้เราจะไปทำความรู้จักพวกเขาพร้อมกัน

1.การก่อตั้งสโมสร

สโมสรฟุตบอลคาวาซากิ ฟรอนตาเล ก่อตั้งขึ้นในปี 1955 ภายใต้ชื่อ สโมสรฟุตบอลฟูจิตสึ โดยถือเป็นสโมสรฟุตบอลขององค์กรตามสไตล์ฟุตบอลญี่ปุ่นในอดีต พวกเขาลงเล่นในฐานะทีมองค์กรนานกว่า 40 ปี จนกระทั่งสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นออกกฏห้ามสโมสรฟุตบอลมีชื่อบริษัท เพื่อลบภาพทีมองค์กรเพื่อปฏิรูปฟุตบอลลีกสู่ความเป็นมืออาชีพ สโมสรฟูจิตสึจึงประกาศเป็นอิสระจากบริษัทแม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ในปี 1997 มาจนถึงทุกวันนี้

2.ที่มาของชื่อฟรอนตาเล่

อย่างที่ทราบกันดีว่าในช่วงที่ฟุตบอลลีกญี่ปุ่นพยายามจะปรับภาพลักษณ์ของตัวเองจากทีมฟุตบอลขององค์กรสู่ความเป็นสโมสรอาชีพ การเปลี่ยนชื่อทีมของพวกเขามีเทรนด์มาจากภาษาสเปนและอิตาลี เช่นเดียวกันกับคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ โดยคำว่า”ฟรอนตาเล่” มีความหมายว่า ด้านหน้าหรือแนวหน้า (frontal) ในภาษาอิตาลี ซึ่งสื่อถึงการต่อสู้เพื่อก้าวสู่แนวหน้าเสมอ และยังสื่อถึงการพร้อมสู้ศึกอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมตั้งแต่หน้าบ้านอีกด้วย

3.เส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน

หลังจากที่ดิ้นรนในลีกระดับล่างมาอย่างยาวนาน ในฤดูกาล 2019 คาวาซากิ ฟรอนตาเล ก็ทำสำเร็จได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสุงสุดของญี่ปุ่น แต่พวกเขาก็ต้องตกชั้นกลับไปในฤดูกาลต่อมาโดยทำได้เพียงแค่ 10 คะแนน หลังจากตกชั้นไปพวกเขาปฏิรูปทีมครั้งใหญ่โดยการดึง บุคลากรชาวบราซิลเข้ามาเป็นกำลังหลักของสโมสร ฟรอนตาเล คว้าตัว เอเมอร์สัน ดีกรีดาวซัลโวเจทู ฤดูกาล 2000 เข้ามาสู่ทีมและดึง พิตตา อดีตนักเตะทีมชาติบราซิลเข้ามาเป็นทีมสตาฟฟ์ ฟุตบอลเกมรุกสไตล์บราซิลของฟรอนตาเลทำผลงานเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเอเมอร์สันที่ยิง 19 ประตู จนสุดท้ายโดนอุราวะ เรด ไดมอนด์สมหาอำนาจลูกหนังญี่ปุ่นในตอนนั้นทุ่มเงินมหาศาลคว้าตัวไป เมื่อเสียกองหน้าคนสำคัญเกมรุกที่เคยร้อนแรงของฟรอนตาเลจึงหายไป ฟอร์หลุดแบบกู่ไม่กลับ จบเจทู ฤดูกาล 2001 ด้วยอันดับ 7 ของตาราง พลาดตั๋วเลื่อนชั้นแบบหมดลุ้น ทำให้พวกเขากลับมาทบทวนตัวเองใหม่ ใช้ความผิดพลาดเป็นแนวทางปรับปรุง การพึ่งพาความหวังจากกองหน้าต่างชาติ นั้นไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว พวกเขายึดแนวทาง “ฟิสิคเทค” คือรูปแบบการผสมผสานความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ บวกกับการฝึกซ้อมที่เข้มข้น เพื่อสร้างความฟิตของผู้เล่นให้สามารถเล่นเกมเพรสซิงใส่คู่แข่งตลอด 90 นาที ตั้งแต่ฤดูกาล 2001 พวกเขาอดทนรอความสำเร็จจนสิ่งที่บ่มเพาะไว้ค่อยมางอกงามผลิดอกออกผลในฤดูกาล 2017 เมื่อพวกเขาคว้าแชมป์แรกของสโมสร และอีก 3 แชมป์ใน 4 ฤดูกาลถัดมา

ฟุตบอลเกมรุกเน้นเพรสซิงของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ยังเป็นแนวทางหลักของทีม ด้วยความมุ่งมั่นในแนวทางของสโมสรทำให้พวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นทีมแนวหน้าหมายเลขหนึ่งของญี่ปุ่นและเอเชียในอนาคตอันใกล้นี้ สมกับชื่อที่พวกเขาตั้งไว้ว่า ฟรอนตาเล่