Tel. 0800-555-555 | 0900-555-555

ราฮีม สเตอร์ลิ่งรุ่งอีกครั้งกับ“เรือใบสีฟ้า”

ตอนที่ Cristiano Ronaldo ย้ายมาร่วมทีม Manchester United ใครก็คาดหวังเห็นผลงานยอดเยี่ยมของเขา และออกสตาร์ตได้อย่างยอดเยี่ยม

ในขณะที่ทีมร่วมเมืองอย่าง Manchester City พลาดหวังได้ตัว Harry Kane ทำให้ทีมต้องลงเล่นโดยขาดกองหน้าตัวเป้า และได้ใช้เงิน 100 ล้านปอนด์คว้าตัว Jack Grealish มาร่วมทีม เพื่อทำเกมทางฝั่งซ้าย

คนที่กระทบกระเทือนมากที่สุดก็คือ Raheem Sterling กองหน้าทีมชาติอังกฤษ เพราะตำแหน่งประจำของเขาก็คือกองหน้าฝั่งซ้าย ซึ่งในระยะหลังก็มีดาวรุ่งอย่าง Phil Foden เป็นตัวสอดแทรกอีกคน

ช่วงออกสตาร์ตฤดูกาล กองหน้าวัย 27 จึงกลายเป็นตัวสำรองบ่อยหน หรือโยกไปเล่นในตำแหน่งตัวริมเส้นด้านขวา ทำให้ช่วงแรกเขาเล่นไม่ค่อยออก เข้าๆ ออก ๆ ในทีม จนมีข่าวว่าอาจตัดสินใจย้ายทีมในช่วงที่ตลาดซื้อขายนักเตะเปิดเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

แต่สิ่งนั้นก็ไม่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่าเหนื่อยของเขาสูงเกินกว่าที่จะหาทีมไหนยอมลงทุนคว้าตัวไปร่วมทีม โดยสองสโมสรที่เคยให้ความสนใจก็คือยักษ์ใหญ่ในลา ลีกา อย่าง Barcelona และ Real Madrid

สถานการณ์ของ Raheem Sterling เริ่มมาดีขึ้นตั้งแต่หลังเดือนต.ค.เป็นต้นมา และหลังจากขึ้นปี 2022 กลายเป็นผู้เล่นตัวหลักที่ “เรือใบสีฟ้า” ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว

โดยเกมล่าสุด กองหน้าทีมชาติอังกฤษสามารถยิงแฮตทริกพา Manchester City บุกถล่ม Norwich City 4-0 ประตู และเป็นแฮตทริกที่ห้าที่เขาทำได้นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม

ลองดูสถิติในช่วงระหว่างออกสตาร์ตฤดูกาลกับผลงานนับตั้งแต่เดือนพ.ย.จะเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจน

ลงเล่นทุกรายการ            ส.ค.-ต.ค.          พ.ย.-ปัจจุบัน

จำนวนนัด                                 14                   16

ลงตัวจริง                                  6                     13

ทำประตู                                    1                     11

และหากเทียบสถิติการทำประตูกับนาทีที่ลงเล่นนั้น ในช่วงระหว่าง ส.ค.-ต.ค. อัตราเฉลี่ยของเขาคือลงเล่น 615 นาทีต่อการทำหนึ่งประตู แต่นับตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นมา อัตราเฉลี่ยของเขาคือลงเล่น 111 นาทีต่อการทำหนึ่งประตู

จะบอกว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดก็คือความมั่นใจที่กลับมาเต็มร้อยอีกครั้ง และความมั่นใจกลับมาก็คือการได้รับความไว้วางใจในการลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ

ก่อนหน้านี้ Gareth Southgate ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเคยแสดงความเห็นว่า Raheem Sterling อาจจะเป็นนักเตะที่มีสไตล์การเล่นขัดใจแฟนบอล แต่เขาเป็นนักเตะที่คนเป็นผู้จัดการทีมโปรดปรานอยู่เสมอ

รวมถึง Pep Guardiola ด้วย แม้ว่าจะมีบางช่วงที่กุนซือชาวสเปนหงุดหงิดกับอารมณ์อันแปรปรวนของดาวเตะวัย 27 รายนี้บ้างก็ตาม

“อาวุธที่ยิ่งใหญ่ของเขาก็คือความมั่นใจในตัวเอง” กุนซือชาวสเปนกล่าวหลังเกมถล่ม Norwich City “เมื่อ Raheem ลงเล่นโดยไม่มีอะไรให้ต้องคิดอยู่ในหัวเขาจะยอดเยี่ยมเสมอ”

Pep เป็นคนหนึ่งที่ช่วยขัดเกลาจนอดีตดาวเตะของ Liverpool มีฟอร์มอันโดดเด่น ยกระดับการเล่นและความเฉียบคมในการทำประตูให้เพิ่มมากขึ้น และเป็นตัวเลือกลำดับแรกในทีมชาติอังกฤษเสมอ

“ผมดีใจแทนเขาด้วย เพราะกองหน้าจะมีความสุขก็ต่อเมื่อทำประตูได้ และจะมีความมั่นใจยิ่งขึ้นในการเล่นในเกมต่อๆ ไป”

Sterling ย้ายจาก “หงส์แดง” มาอยู่กับ “เรือใบสีฟ้า” เมื่อ 14 ก.ค.2015 และผลงานของเขาก็เยี่ยมยอดมาก โดยลงเล่นในทุกรายการไปแล้ว 322 นัด ยิงได้ 126 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์ และหากนับเฉพาะในพรีเมียร์ลีก ลงเล่น 216 นัด ยิงได้ 88 ประตูกับอีก 52 แอสซิสต์

สัญญาของดาวยิงทีมชาติอังกฤษกับ Manchester City จะหมดลงในปี 2023 ทำให้ Pep Guardiola ถูกตั้งคำถามอยู่เสมอว่าจะต่อสัญญาใหม่ให้กับเขาหรือเปล่า แต่กุนซือชาวสเปนยังบอกว่าเป็นเรื่องของอนาคตและการตัดสินใจร่วมกันกับบอร์ดบริหารสโมสร

แต่ถ้าฟอร์มยังวูบวาบเช่นนี้โอกาสได้สัญญาใหม่น่าจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

Jamie Redknapp อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษแสดงความเห็นว่าไม่มีที่ไหนจะเหมาะกับ Sterling มากไปกว่า “เรือใบสีฟ้า” อีกแล้ว

“Barcelona และ Real Madrid ไม่ใช่สโมสรที่น่าเร้าใจมากเหมือนก่อนแล้ว ถ้าอย่างนั้น Raheem จะย้ายไปทำไม และสถิติการยิงประตูของเขาภายใต้ภายใต้การคุมทีมของ Pep Guardiola ก็เป็นรองเพียงแค่ Lionel Messi และ  Aguero เท่านั้น”

Raheem Sterling จึงน่าจะต่อสัญญาใหม่มากกว่าย้ายทีม