Tel. 0800-555-555 | 0900-555-555

รู้จัก “เอล มาทาดอร์” เอดิสัน คาวานี่

เอดิสัน คาวานี่ หรือชื่อเต็ม เอดิสัน โรแบร์โต้ คาวานี่ โกเมซ ลืมตาดูโลกในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1987 ที่เมืองซัลโต้ ประเทศอุรุกวัย ปัจจุบันอายุ 33 ปี สังกัดสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

คาวานี่ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับสโมสรดานูบิโอ สโมสรในประเทศบ้านเกิด ได้รับสัญญาอาชีพในวัย 18 ปี โดยตลอดระยะเวลาการเล่นให้กับ ดานูบิโอ ตลอดสองฤดูกาล เจ้าตัวลงสนามรับใช้ทีมรวมทุกรายการ 25 นัด ยิงได้ 12 ประตู พาทีมคว้าแชมป์ลีกอุรุกวัยได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็มีข้อเสนอมูลค่า 5 ล้านยูโร(ประมาณ181 ล้านบาท)จาก ปาแลร์โม่ ทีมจากกัลโช่เซเรียอา อิตาลี คว้าตัวไปร่วมทีมในตลาดช่วงเดือนมกราคม

คาวานี่เริ่มต้นกับปาแลร์โม่ได้ดี เขาถูกส่งลงสนามเกมแรกในวันที่ 11 มีนาคม 2007 พบกับฟิออเรนติน่า โดยถูกส่งลงไปในนาทีที่ 65 ก่อนที่จะยิงประตูแรกได้ในทันที ซึ่งตลอดการย้ายมาสวมเสื้อในครึ่งฤดูกาลแรก เจ้าตัวลงสนามทั้งสิ้น 7 นัดซัดไป 2 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์ พาทีมจบอันดับที่ 5 คว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลยูฟ่าคัพ

เริ่มฤดูกาล 2007/08 คาวานี่มีผลงานที่ไม่ดีนัก ตลอด 33 เกมที่ลงเล่น เขายิงได้แค่ 5 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ แต่หลังจากนั้นก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาในฤดูกาล 2008/09 เจ้าตัวลงสนาม 35 นัดยิงได้ 14 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์ และต่อเนื่องมาจนถึงฤดูกาล 2009/10 ลงสนามให้ทีม 34 นัดซัดไป 13 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์

ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยิงแตะเลขสองหลักตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ นาโปลี ยื่นข้อเสนอมูลค่า 12 ล้านยูโร(ประมาณ) คว้าตัวเขาไปล่าต่าข่ายในถิ่น ซาน เปาโล และที่นี่เอง เขาก็พัฒนาตัวเองกลายเป็นดาวยิงระดับโลกอย่างเต็มตัว ฤดูกาลแรกในปี 2010/11ลงเล่นให้กับนาโปลี 35 นัดซัดไป 26 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์

ต่อมาในฤดูกาล 2011/12 เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์โคปาอิตาเลียได้สำเร็จ โดยที่ปีนั้นเขาจบด้วยการเป็นดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ และในกัลโช่เซเรียอา เขาก็ลงสนาม 35 นัดยิงได้ 23 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์

จุดพีคในการเล่นให้กับนาโปลีคือฤดูกาล 2012/13 ที่เจ้าตัวลงสนามไปทั้งสิ้น 34 นัดยิงได้ระเบิดเถิดเทิงถึง 29 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์ คว้าตำแหน่งดาวซัลโวของลีกในปีนั้น ซึ่งจากผลงานในฤดูกาลนี้ ทำให้เจ้าตัวเริ่มมีข่าวกับหลายทีมในยุโรปที่ต้องการจะคว้าไปร่วมทีม

นาโปลีได้ข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ มูลค่าสูงถึง 64.5 ล้านยูโร(ประมาณ) จาก ปารีส แซ็งก์ แช็กแมงค์ที่ต้องการได้ตัวคาวานี่ไปร่วมทีม และเขาก็ออกเดินทางไปตามหาความท้าทายใหม่ๆในประเทศฝรั่งเศส

และที่ปารีสนี่เอง เจ้าตัวสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นตำนานของสโมสร ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ลงเล่นให้เปแอสเช เจ้าตัวพาทีมคว้าแชมป์ลีกเอิงได้ 6 สมัย(2013-2015 , 2017-2020) เฟรนช์คัพ 4 สมัย(2014, 2015, 2016 ,2017) เฟรนช์ลีกคัพ 5 สมัย (2013, 2014, 2015, 2016, 2017) และเฟรนช์ซูเปอร์คัพ 7 สมัย (2013-2020) พร้อมกับส่งตัวเองขึ้นไปเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรด้วยสถิติลงสนาม 301 นัดซัดไป 200 ประตูกับอีก 43 แอสซิสต์

หลังจากเสร็จสิ้นฤดูกาล 2019/20 คาวานี่หมดสัญญากับเปแอสเช ทำให้สามารถย้ายทีมได้แบบฟรีๆไม่มีค่าตัว เจ้าตัวตัดสินใจเลือกหาความท้าทายใหม่อีกครั้ง โดยย้ายมาสวมเสื้อเบอร์ 7 ให้กับทัพปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยที่ในฤดูกาลปัจจุบันลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 5 นัดยิงได้ 3 ประตู ซึ่ง 2 ประตูล่าสุดในเกมกับเซาธ์แทมตัน ทำให้แมนยูพลิกนรกกลับมาชนะได้

ในนามทีมอุรุกวัย เขาลงเล่นให้กับทีมชาติตั้งแต่ชุด U-20 , U-23 ต่อมาจนถึงมีโอกาสติดทีมไปเล่นรายการโอลิมปิกปี 2012 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ ก่อนที่จะได้ติดทีมชาติชุดใหญ่และลงสนามเกมแรกในนามทีมชาติชุดใหญ่ วันที่ 11 ตุลาคม 2008 พบกับอาร์เจนติน่าในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ตลอดระยะเวลาการค้าแข้ง เจ้าตัวลงรับใช้จอมโหดไปแล้วทั้งสิ้น 114 นัดซัดไป 49 ประตูกับอีก 14 แอสซิสต์ พาทีมลงเล่นในฟุตบอลโลก 2010 2014 และคว้าแชมป์โคปาอเมริกามาได้ในปี 2010