Tel. 0800-555-555 | 0900-555-555

เจาะลึก “หงส์แดง-เรือใบ”ใครจะซิวแชมป์พรีเมียร์ลีก

ศึกพรีเมียร์ลีกของอังกฤษตอนนี้แข่งขันกันมาถึง 29 นัดแล้ว และเหลืออีกเพียง 8 เกมจะตัดสินว่าทีมไหนจะคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ไปครอง

ตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเหลือม้าเพียง 2 ตัวที่มีโอกาสเบียดแชมป์ไปครอง นั่นก็คือ “แชมป์เก่า” Manchester City ที่ตอนนี้นำเป็นจ่าฝูงอยู่โดยมี 70 แต้มจาก 29 นัด

หากแต่ผู้ท้าชิงคือ “หงส์แดง” Liverpool ที่ตอนนี้มี 69 แต้มจาก 29 นัด ตามห่างแค่เพียงแต้มเดียวเท่านั้น

เป็นสถานการณ์ที่ทำให้การลุ้นแชมป์ลีกเร้าใจมากที่สุดในรอบหลายปี และเป็นสถานการณ์ที่เหลือเชื่อเพราะเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา Liverpool เคยมีแต้มตามหลังห่างถึง 14 แต้ม แต่ผลงานหลังจากนั้นสามารถชนะรวดทำให้ตอนนี้แต้มห่างกันเพียง 1 แต้มเท่านั้น

เกมลีกนัดต่อไป “หงส์แดง” จะได้เล่นใน Anfield รับการมาเยือนของ Watford ในวันที่ 2 เม.ย. ส่วน “เรือใบสีฟ้า” จะบุกไปเยือน Burnley ในวันเดียว

แต่สำคัญก็คือ Liverpool จะลงเตะก่อน ซึ่งหากสามารถเอาชนะ “แตนอาละวาด” ก็จะแซงขึ้นไปเป็นจ่าฝูงก่อน ยิ่งจะเป็นความกดดันให้กับทีมแชมป์เก่าเพิ่มมากขึ้นไปอีก

แต่ Pep Guardiola ยืนยันว่าเขาไม่ประหลาดใจกับการไล่บี้แย่งแชมป์ของ Liverpool แต่อย่างใด

“มันไม่มีทางที่จะตัดสินแชมป์กันในเดือนม.ค.ได้หรอก และสถานการณ์ในตอนนี้ก็เป็นหลักฐานชี้ชัดอยู่ก่อนแล้ว ผู้เล่นของผมเองก็เคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้กันมาก่อนแล้ว”

Manchester City อาจจะแข็งแกร่งมาก และยืนระยะได้อย่างมั่นคงก็จริง แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเป็น “จุดเปราะ” ของทีมอย่างเด่นชัดก็คือกองหน้า หากไม่นับ Gabriel Jesus ที่ตอนหลังขยับจากกองหน้าไปเป็นตัวทำเกมริมเส้นด้านขวาแล้ว ก็แทบจะไม่มีผู้เล่นคนไหนเป็นกองหน้าตัวเป้าเลย

Jack Grealish นักเตะค่าตัว 100 ล้านปอนด์ที่ซื้อตัวเข้ามาร่วมทีมก็เป็นผู้เล่นตัวทำเกมฝั่งซ้าย ซึ่งแต่เดิมก็มี Phil Foden และ Raheem Sterling ทำหน้าที่ได้ดีอยู่ก่อนแล้ว

ในขณะที่ “หงส์แดง” อุดมไปด้วยกองหน้าจอมล่าประตูมากมาย และในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมาก็ยังไปคว้าตัว Luis Díaz มาด้วยอีกราย ทำให้พลังสังหารประตูโหดขึ้นกว่าเดิมมากเข้าไปอีก

สถิติน่ารู้เรือใบ-หงส์แดง

หากวัดเอาจากสถิติเก่า Manchester City มีสถิติเก็บชัยชนะได้ถึง 71.1 % ในการเล่นช่วงสองเดือนสุดท้ายของฤดูกาลในช่วงสิบปีที่ผ่านมา หรือว่านับตั้งแต่ฤดูกาล 2011/12

ในขณะที่ “หงส์แดง” อดีตแชมป์ฤดูกาล 2019-20 มีสถิติชนะในช่วงสองเดือนสุดท้ายของฤดูกาลด้วยอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 56.6 % ต่อนัด

และสถิติการทำประตูในช่วงสองเดือนสุดท้ายนับตั้งแต่ฤดูกาล 2011/12 เป็นต้นมา “เรือใบ” ทำได้รวม 222 ประตูมากกว่า “หงส์แดง” 45 ประตู

เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เหมือนกัน

“หงส์แดง”ลุ้น 4 แชมป์

หลังจากออกสตาร์ตฤดูกาลอย่างไม่หวือหวานัก แต่ตอนนี้ทีมของ Jurgen Klopp พาทีมได้แชมป์มาแล้ว 1 รายการคือ Carabao Cup และยังมีโอกาสลุ้นแชมป์ที่เหลืออีก 3 รายการไม่ว่าจะเป็นแชมป์ Premier League,FA Cup, Champions League ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนัก

ในฤดูกาล 2000-01 เคยกวาด 3 แชมป์คือ Uefa Cup, FA Cup และ League Cup และจบฤดูกาลอันดับ 3 ในลีก แต่ Uefa Cup ก็ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนคว้าแชมป์ Uefa Champions League อย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ “หงส์แดง” มีโอกาสลุ้น 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียวรวมทั้งหมด 5 ครั้งด้วยกัน และที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือฤดูกาล 1983/84 ที่ได้ทั้งแชมป์ลีก (ดิวิชั่น 1 อังกฤษเดิม) รวมถึงแชมป์ European Cup และ League Cup

และหากจะทำได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เหล่า “เดอะค็อป” ก็อยากให้เกิดขึ้นในยุคของ Jurgen Klopp อย่างแน่นอน

ทำไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ทำได้ย่อมเป็นกำไรอย่างแน่นอน

เส้นทางลุ้นแชมป์

ในโปรแกรมนัดที่เหลือต้องบอกว่าสถานการณ์ย่อมพลิกได้ทุกเมื่อ 1 แต้มที่นำอยู่ของ Manchester City สามารถพลิกในเกมไหนก็ได้ แต่เกมชี้ชะตาแชมป์อาจจะเป็นนัดวันที่ 10 เม.ย.นี้ ที่ “เรือใบสีฟ้า” จะเปิด Etihad Stadium รับการมาเยือนของ “หงส์แดง” อย่างแน่นอน ใครเก็บ 3 แต้มได้มีโอกาสได้แชมป์สูงมาก

และอีกเกมที่น่าสนใจก็คือวันที่ 20 เม.ย. ที่จะเจอกับไบรห์ตัน เพราะก่อนหน้านี้เคยบุกไปแบ่งแต้มมาจากทีมใหญ่อย่าง Arsenal และ Chelsea มาได้อย่างน่าทึ่ง รวมทั้งเกมในวันที่ 15 พ.ค.ที่ “เรือใบ” ต้องไปเยือน West Ham

การลุ้นแชมป์ Premier League ฤดูกาลนี้จึงอาจจะต้องวัดกันนัดต่อนัด และอาจต้องลุ้นไปจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาลก็เป็นได้

โดยโปรแกรมที่เหลือของทั้ง 2 สโมสรมีดังนี้

Liverpool       

Watford (h) – 2 April

Man City (a) – 10 April

Aston Villa (a) – 16 April

Manchester United (h) – 19 April

Everton (h) – 24 April

Newcastle (a) – 30 April

Tottenham (h) – 7 May

Southampton (a) – 15 May

Wolves (h) – 22 May

Man City

Burnley (a) – 2 April

Liverpool (h) – 10 April

Wolves (a) – 17 April

Brighton (h) – 20 April

Watford (h) – 23 April

Leeds (a) – 30 April

Newcastle (h) – 7 May

West Ham (a) – 15 May

Aston Villa (h) – 22 May