Tel. 0800-555-555 | 0900-555-555

เอล กลาซิโก้ ปี 2005 !!

ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ มีฟุตบอลบิ๊กแมตช์ที่อยากจะกล่าวถึงสักหน่อย ถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีคู่หนึ่งบนโลกลูกหนังเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ สองสุดยอดทีมแห่งลาลีกา สเปน บาร์เซโลน่า พบกับ รีล มาดริด หรือที่เรียกกันในนามแมตท์ “เอล กลาซิโก้”

ย้อนกลับไป ในปี 2003 รีล มาดริด กระชากกองกลางหน้าหล่อ การเปิดบอลระดับเทพผู้มีนามว่า “เดวิด เบ็คแฮม” ดึงมาจาก แมน ยู ทำให้ปีศาจแดง อยู่เฉยไม่ได้ รีบจัดการไปหา โรนัลดิญโญ่ ที่ขณะนั้น ค้าแข้งอยู่กับทีม เปแอชเช
ในลีกเอิง ของฝรั่งเศส แต่ทุกอย่างกำลังจะจบลงภายใน 48ชม. เสื้อผีแดงถูกสกรีนชื่อโรนัลดิญโญ่ เรียบร้อย รอแค่วันที่เขาจะขึ้นเครื่องบินมาชูเสื้อที่ สนามโอลแทรคฟอร์ด เท่านั้น แต่แล้ว โรนัลดิญโญ่ ก็ได้รับโทรศัพท์ จากชายผู้หนึ่งชื่อว่า ซานโดร โรเซลล์ โดยปลายสายพูดกับเขาว่า “ถ้าผมได้เป็นประธานทีมบาร์ซ่า คุณจะมาอยู่กับผมมั้ย?” เขาตอบกลับไปว่า “ได้เลย ไม่มีปัญหา” จากนั้นเครื่องบินส่วนตัวของเขาก็มุ่งตรงสู่สเปน ไม่เฉียดเข้าใกล้รีสอร์ท หญ้าสวยเลยแม้แต่นิดเดียว

สิ่งที่โรนัลดิญโญ่ มอบให้กับทีมบาร์ซ่า คือการพาทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา 2สมัย แถมด้วยแชมป์ UCL อีก 1ครั้ง และตัวเขาเองก็ก้าวขึ้นเป็นนักเตะหมายเลขหนึ่งของโลกอย่างสง่างาม ด้วยตำแหน่ง บัลลง ดอร์ ประจำปี 2005

ถ้าพูดถึง แมตท์ “เอล กลาซิโก้” ในยุคหลังๆ เราจะนึกถึงการขับเคี่ยวกันระหว่าง 2 นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสองคน นั้นก็คือ ลีโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ส่วนนักเตะคนอื่นก็แค่ตัวประกอบ

แต่ใน “เอลกลาซิโก้” ในปี 2005 กลับกลายเป็นการต่อสู้ระหว่าง ชายผู้ชื่อว่า “โรนัลดิญโญ่” เพียงหนึ่งเดียว กับ นักเตะรวมดาราโลกจำนวน 10 คน เรียกได้ว่า 10 ต่อ 1

ประกาศรายชื่อนักเตะก่อนเดินลงสนาม ทีมรีล มาดริด มี “คาซิยาส, รามอส, โรเบอร์โต้ คารอส, ซีดาน, เบ็คแคม, ราอูล, โรบิญโญ่ และ โรนัลโด้ R9 ” ด้วยตัวผู้เล่นขนาดนี้แล้ว ยากที่ทีมไหนจะเอาชนะราชัน ชุดขาว ที่รวมดาราโลกสมัยนั้นได้ !!!

โดยฝั่งทีมดังอย่าง บาร์เซโลน่า มีศูนย์หน้าตัวเป้าคือ ซามูเอล เอโต้, และมีนักเตะวัยหนุ่ม อายุเพิ่ง 18ปี ชื่อ ลีโอเนล เมสซี่ ที่ตอนนั้นไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก และมีกองกลาง จอมทัพคุมทุกอย่างของทีมชื่อ โรนัลดิญโญ่ เท่านั้นเอง

เกมนี้เจ้าบ้านคือ รีล มาดริด มีอัตราความได้เปรียบของนักลงทุนอยู่ครึ่งลูก เป็นต่อผู้มาเยือนอย่างชัดเจน แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่การแข่งขันทุกอย่างกลับตรงกันข้ามหมดเพียงเพราะชายที่มีชื่อ โรนัลดิญโญ่ เพียงคนเดียว โชว์ความเป็น เวิร์ลคลาส เหนือ เวิร์ลคลาส เขาคนเดียวสะกดคนดู ร่ายมนต์ใส่ทีมรวมดาราโลก จนโงหัวไม่ขึ้น และนี่คือแมตท์ประทับใจแมตท์หนึ่งในชีวิตอของเขาเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะจังหวะเลี้ยงเดียวเข้าไปสังหารประตู จนทำให้กองเชียร์ของรีล มาดริด ต้องลุกขึ้นปรบมือแทบจะทุกที่นั่ง หรือที่เรียกว่า Standing Ovation
พร้อมทำท่าคำนับเขา ประหนึ่งว่า “ทำไมนายมันสุดยอดแบบนี้” ผลการแข่งขันจบด้วยเจ้าบ้าน พ่ายไปแบบหมดรูป 0 ประตูต่อ 3 โดยโรนัลดิญโญ่ ทำคนเดียว 2ประตู

และในวันในวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคมนี้ หรือเวลาประมาณ 03.00 บ้านเรา เอล กลาซิโก้ ประจำปี 2020 จะกลับมาเตะกันอีกครั้ง แต่รสชาติคงจะไม่ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนเดิม เพราะตอนนี้เหลือแค่ลีโอเนล เมสซี่ ต้องต่อสู้กับราชันชุดขาว มิหนําซ้ำ ราชันชุดขาว ช่วงนี้กำลังย่ำแย่ เพื่งพ่ายให้กับเรือใบสีฟ้าในรายการแชมป์เปี้ยนลีก และถ้าเกิดว่าต้องมาพ่ายแพ้ในศึก เอล กลาซิโก้ ให้กับบาร์เซโลน่าอีกครั้ง งานนี้ ซีเนดีน ซีดาน อาจจะเก้าอี้ร้อนก็เป็นได้