Tel. 0800-555-555 | 0900-555-555

ปีเตอร์ ชไมเคิล จากกองหน้าร่างโย่ง สู่ผู้รักษาประตูร่างยักษ์

น้อยคนนักที่จะรู้ว่านายด่านตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปีเตอร์ ชไมเคิล กับการเริ่มต้นเล่นฟุตบอลเจ้าตัวไม่ได้แจ้งเกิดจากการเล่นเป็นผู้รักษาประตู แต่ทว่า ชไมเคิล เริ่มต้นจากการเล่นในตำแหน่งกองหน้า จนกระทั่งในช่วงเปลี่ยนผันของรูปแบบการเล่นฟุตบอล ชไมเคิล ถูกจับมาเป็นผู้รักษาประตูในทีม จนทำให้นั่นคือจุดเริ่มต้นของเด็กหนุ่มจากเดนมาร์ก ที่เล่นฟุตบอลในระดับทีมโรงเรียนปักหลัก และพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นนายด่าน จนกระทั่งประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดกับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และถูกจารึกเป็นตำนานว่าในช่วงยุค 90 ปีเตอร์ ชไมเคิล คือผู้ที่ถือกุญแจปิดล็อคไม่ให้ทีมไหนเข้ามากระชากความสำเร็จออกจากทัพ “ปีศาจแดง” 

ความสำเร็จของ “ผีแดง” หลังมี ปีเตอร์ ชไมเคิล  

ด้วยระดับฝีมือการเซฟประตูในลีกเดนมาร์กของ ปีเตอร์ ชไมเคิล นั่นจึงทำให้ในวัย 21 ปี เวอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ส่งทีมแมวมองไปซุ่มดูฟอร์ม และรับตัวขึ้นเครื่องบินเพื่อเซ็นสัญญาร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวัย 21 ปีทันที ในปี 1991 และแน่นอนว่า ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ ชไมเคิล เฝ้าหน้าปากประตูให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งหมด 292 นัด ความสำเร็จตลอดระยะเวลา 8 ปี เจ้าตัวคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ถึง 5 ครั้ง พร้อมกับถ้วยใบเล็กอีกต่าง ๆ มากมาย 

และที่ประสบความสำเร็จพร้อมกับมีเรื่องราวเป็นประวัติศาสตร์นั่นก็คือปี  1999 ถ้าหากแฟนบอล แมนยู ยังจำได้กับนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกนรกกลับมาชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2 – 1 โดยการยิงประตูจาก เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 นาที และพวกเขาก็คว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ในยุโรป ในปีนั้น

จุดเริ่มต้นนัดชิง “ยูฟ่า” แมนยู คว้าแชมป์ในปี 1999

ตลอดระยะเวลา 90 นาที แทนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเล่นด้วยความกดดันเพราะว่ายอดทีมแห่งเยอรมัน “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค นำพวกเขา 1 – 0 มาโดยตลอด จนกระทั่งกรรมการชูป้ายทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที และการทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 1 นั่นก็คือนาทีที่ 91 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ลูกเตะมุม และต้องบอกเลยว่านี่คือเกมประวัติศาสตร์ของ ปีเตอร์ ชไมเคิล ที่เจ้าตัวขึ้นมากดดันแผงกองหลัง “เสือใต้” ช่วยเพื่อนร่วมทีม 

และแน่นอนว่ากองหลังของ บาเยิร์น มิวนิค พะวงกับรูปร่างที่สูงใหญ่ของ ชไมเคิล ทำให้มีถึง 3 ตัวประกบอยู่เคียงข้าง ชไมเคิล และบอลก็หลุดไปถึง ไรอัน กิ๊ก ก่อนที่จะผ่านบอลให้ เท็ดดี เชอริงแฮม ยิงประตูตีเสมอในนาทีที่ 91 นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ใช้เวลาอีกเพียงแค่ 2 นาที จากลูกเปิดของ เดวิด เบ็คแฮม ที่มาถึงหัวของ เชอริงแฮม และโม่งเช็ดบอลให้กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ แหย่บอลเข้าไปตุงตาข่าย ทำให้ 3 นาทีในช่วงทดเจ็บ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาชนะ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค อย่างเหลือเชื่อ และคว้าถ้วยใหญ่ในยุโรป ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในปี 1999